ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มีการคาดการณ์ว่าเป็นไปไม่ได้เลย และอาจจะต้องขยับเวลาออกไปถึงเดือนมิถุนายน
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ควรหาวิธีการสรุปจบให้ได้ก่อน 30 เดือนมิถุนายนตามวิถี ทางที่สมาพันธ์บอลยุโรป (ยูฟ่า) ต้องการให้เป็นก็บางทีก็อาจจะทำไม่ได้จริงๆ บอลประเทศสเปนนั้นไม่คอยช้าประกาศเลื่อน ลา ลีกา รวมทั้งลีกอาชีพของตนเองไม่มี ระบุไปเป็นระเบียบแล้วโดยไม่สนใจ
ทาง 30 เดือนมิถุนายนของยูฟ่าเลย ก็เหตุการณ์ในประเทศกำลังวิกฤติกับ โควิด-19 อีกทั้งติดโรคแล้วก็ตายเป็นใบไม้หล่นในทุกๆวัน แบบงี้จะให้นึกถึงแต่ว่าการเตะบอลลีก ให้จบก็อย่างไรอยู่ บอลประเทศสเปน ก็เลยมีประกาศออกมาแบบงี้ รวมทั้งรู้เรื่องว่าบอลลีกของชาติอื่นๆ บางครั้งก็อาจจะทยอย
ประกาศตามมาด้วยเหมือนกันด้วย กับบอลอังกฤษมีความกระจ่าง แจ้งเพียงแค่ในพื้นฐานว่าเป็น 30 เดือนเมษายน แม้กระนั้นแนวโน้มก็อย่างที่บอก โน่นเป็นมีความกลุ้มอกกลุ้มใจว่าช่วงเวลาดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ไม่เพียงพอแน่สำหรับเพื่อ การกลับมาทำชิงชัยกันอีกที บอลจะเอาตนเองเป็นที่ตั้ง
อาจจะมิได้ ผมมั่นใจว่าพรีเมียร์ลีกรู้เรื่อง ข้อตกลงที่ตรงนี้อยู่แล้ว การกำหนดวันที่ 30 ม.ย.เอาไว้ก็เลยเป็นเพียงแค่จุดมุ่งหมายพื้นฐาน มิได้แสดงว่าจำเป็นจะต้องทำให้ได้สถานที่เดียว แม้กระนั้น การเปลี่ยนแปลงปัจจุบันที่ออกมาจาก กรุ๊ปผู้แทนนักเตะที่ขึ้นอยู่กับชมรม นักเตะอาชีพหรืออักษรย่อ
สั้นๆว่า ก็ทำให้วิถีทางที่ว่าบางทีอาจประสบ พบเจอกับปัญหาขึ้นมาอีก จะฝ่าฝืนไปเพราะเหตุไรหากสถานการณ์ของ โควิด-19 ยังไม่แน่นอน กับข้อตกลงที่ว่าถึงจะอย่างไรก็อาจจำเป็นต้องถูไถแข่งฟุตบอลลีกกันให้จบ ถึงแม้ว่าจะจะต้องเป็นการแข่งขัน แบบปิดสนามจริงๆนั้น เอาเข้าจริง
ทำไมถึงต้องดิ้นรนเตะในสนามปิด เพื่ออะไร?
มันจะทำเป็นอย่างงั้นหรือ หรือให้ถามย้ำกันตรงๆก็ได้ว่า มีความรู้สึกว่าควรทำจริงๆใช่ไหม มันง่ายแบบงั้นเลยหรือไม่ เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับ นักเตะในสนามแค่นั้น ถ้าในเกมบอลเกมหนึ่งยังจะต้องมีการเตรียม ความพร้อมของทุกฝ่ายที่เกี่ยว อีกมากมายแม้กระทั่งเป็นการเตะแบบสนามปิด
หน่วยรักษาความปลอดภัย ที่จะจำต้องทำหน้าที่ การผสานของชมรมไปยัง โรงหมอต่างๆจะมีปริมาณเยอะแค่ไหน ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ดูแลความสบายถึงแม้ไม่ต้องทำงานมากมากมายเนื่องจากว่าไม่มีแฟนบอล เรือนหมื่นแม้กระนั้นก็จะต้องเจียดกำลัง เดินทางมาปฏิบัติงานอยู่ดี รถยนต์ถ่ายทอดสด
ช่างถายภาพโทรทัศน์ โปรดิวเซอร์ แต่ละสนามจำต้องทำงานกี่คน แล้วจะมีเตะกันกี่สนามจะต้องคูณเข้าไปอีก กี่คนออกมาเป็นปริมาณเท่าใด ยังไม่รวมเรื่องความพึงพอใจของสังคมในตอนนั้น พวกเขาจะพุ่งสมาธิมาที่เกมบอล ได้สุดกำลังจริงๆหรือ ถ้าเกิดจำเป็นต้องเตะแบบปิดสนาม
แสดงว่าเหตุการณ์ยังไม่ปลอดภัย ร้อยเปอร์เซนต์ถูกใช่หรือไม่ใช่ ถ้าหากใช่.. คุณจะให้คำตอบกับครอบครัว ของนักเตะแต่ละคนเช่นไร ผู้ที่เขามีลูกมีภรรยาแต่งงาน ที่เป็นห่วงอยู่ด้านหลัง คุณอาจมีคำบัญชาให้แต่ละสมาพันธ์ สั่งย้ำนักเตะ สตาฟฟ์ผู้ฝึกสอน รวมทั้งทุกคนที่เกี่ยวโยงกับการแข่งขัน
ชิงชัยให้รับผิดชอบตนเอง กักบริเวณเองและก็รักษาความฟิตอยู่บ้าน เมื่อถึงเวลาแข่งขันก็เดินทางมาแข่งขัน คำบัญชาบางทีอาจจะออกมาได้ แต่ว่าในทางปฏิบัติแล้วหากดูกันจริงๆมันทำเป็นแน่ๆแบบงั้นหรือ คำบัญชานี้จะปิดตายให้เปอร์เซนต์ การได้รับเชื้อของนักเตะ สตาฟฟ์ผู้ฝึกสอน
แล้วก็ทุกคนที่เกี่ยวเนื่องกับการแข่งขัน ชิงชัยให้เป็นศูนย์ได้ตลอดรอดฝั่งใช่หรือไม่ มาคิดๆมองมันก็ถูกครับผม เกมๆหนึ่งมีนักบอลในสนาม 22 คน มีสตาฟฟ์ผู้ฝึกสอนและก็นักฟุตบอลสำรองข้างสนามรวมกันอีก 20 กว่าคน ผู้ตัดสิน 4 คน แมตช์คอมไม่ชชันเนอร์ 1 คน ที่อยู่ศูนย์กลาง 3 คน
แล้วยังมีส่วนไหนอีก คณะทำงานถ่ายทอดสดสัก 20 คน เด็กเก็บบอลอีก 10-12 คน เว้นแต่ว่าจะให้นักเตะเก็บบอลคุ้นเคยเวลาบอลออกนอกสนาม กลุ่มพยาบาล 3-4 คน จำนวนนี้เพียงแค่โดยประมาณยัง ไม่รวมข้าราชการสนามผู้อื่น ที่จะต้องทำหน้าที่ประจำ จุดต่างๆไม่เว้นจนถึงแม่บ้านชำระล้าง
ในเกมนั้นๆอีก ประเมินเอาแบบหยาบๆเลย จนถึงเตะแบบปิดสนามไม่ให้แฟนบอลเข้าชมก็ยังมีคนเกี่ยวร่วม 100 ชีวิต หนึ่งเกม 100 คน แต่ละแมตช์เดย์มีสิบเกมก็ 1,000 คน ลดขนาดสเกลให้ต่ำที่สุด แม้กระทั่งเตะสนามเดียวกัน 5 เกมรวด (เกมละ 2 ชั่วโมงรวมเป็น 10 ชั่วโมง) ใช้กลุ่มพยาบาล
กลุ่มถ่ายทอดสด เด็กเก็บบอล ข้าราชการทุกจุดชุดเดิมดูแลทั้งสิ้น ก็ยังจำเป็นต้องแบ่งกำลังคนเป็น 2 กลุ่ม แมตช์เดย์หนึ่งๆก็จะมีคนเกี่ยวโยงราว 300-400 คน บางทีอาจไม่ใช่จำนวนเรือนหลายหมื่นอย่างสภาพการณ์ธรรมดา แต่ว่า 300-400 คนภายในสนามฟุตบอล รวมทั้ง 25 ผู้ที่อยู่ในสนาม
จะคุ้มเสี่ยงไหมกับการเตะจบฤดูกาล ให้จบด้วยการปิดสนามเตะ บนความเสี่ยงแม้จะแค่เปอร์เซนต์เดียว
สนิทสนมกัน หายใจรดกัน ปะทะกัน โต้แย้งกัน อื่นๆอีกมากมาย ก็คือการกระทำตัวที่ตรงกันข้าม กับทางคุ้มครองป้องกัน การระบาดของโรคโดยตรงเชียวล่ะ เพียงแค่ผู้เฝ้าประตูสั่งการสหายๆที่ออกันอยู่ในจุดโทษยามตั้งรับลูกเตะมุมก็น่าผวา แทนสหายร่วมกลุ่มและก็คู่ปรับแล้วครับผม
ถ้าเกิดพวกเราทดลองคิดลง ไปให้รอบคอบถึงมุมนี้ การเตะแบบปิดสนามก็ยังบางทีอาจไม่ใช่คำตอบ บอกกันตรงๆก็คือมันเป็นทางออก ที่ทรามมากมาย เนื่องจากทางออกนี้มิได้มีการเสี่ยงเป็นศูนย์ การลดการเสี่ยงลงจาก 100 เปอร์เซนต์ เหลือ 10 หรือ 5 เปอร์เซนต์ มิได้มีความหมายว่าการเสี่ยง
จะหายไป ยิ่งกับการเสี่ยงในเรื่องชีวิต เพียงแค่เปอร์เซนต์เดียวก็สูงเกินพอ ก็เพื่อฤดูได้ข้อสรุป แล้วไปตั้งตัวกันใหม่อีกครั้ง ไม่มีปัญหาเรื่องข้อตกลงนักฟุตบอล รวมทั้งคำสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ก็จะต้องถามว่ากล่าวคำสัญญาลิขสิทธิ์ นี่ไม่สามารถที่จะคุยกับผู้ครอบครองลิขสิทธิ์ได้เลยหรือ
มันเป็นเหตุการณ์ที่กระทบไปทั้งโลก ทุกฝ่ายได้รับความเสื่อมโทรมร่วมกันหมด แม้กระนั้นผู้บริโภคลิขสิทธิ์จะไม่รับความย่ำแย่ เล็กน้อยเลยจะไม่เอาเทียบกันเกิน ความจำเป็นหน่อยหรือ แม้กระนั้นแม้การร่วมกันแบ่งเบาภาระ ความย่ำแย่เป็นสิ่งที่ จำต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ผู้บริโภคลิขสิทธิ์ไม่มีปัญหา
กับการเฉลี่ยความทรุดโทรม ก็มีความหมายว่าเพศผู้เป็นเจ้า ของลิขสิทธิ์เองไหมที่ไม่ยินยอมเสียอะไรเลย เป็นจะจ่ายเต็มปริมาณ หรือจ่ายครึ่งปริมาณก็ไม่เต็มใจ ก็เลยจำต้องพากเพียรเข็นการแข่งขันชิงชัยให้จบให้ได้ ผมยังเห็นว่าพรีเมียร์ลีก หรือบอลลีกชาติอื่นๆมิได้มีจิตใจแออัดอะไร
ขนาดนั้นหรอก มันเป็นเพียงแต่ทางที่ตั้งหัวใจจะก่อให้ได้ ไม่ใช่จะยึดติดแข็งกระด้างไม่ยืดหยุ่น ถ้าเกิดท้ายที่สุดแล้วทำไม่ได้นั่นก็คือมิได้ ค่อยตามแก้ไขปัญหากันไป ได้มาพินิจพิเคราะห์ให้รอบคอบกับคำว่า ปิดสนามเตะ อีกที.. ผมรู้สึกว่ามุมมองของนักเตะมีเหตุมีผลมากมาย
เตะแบบปิดสนามมิได้จัดการกับปัญหาอะไร ตรงกันข้ามมันจะคือปัญหาถ้าเกิดฝ่าฝืน แข่งขันให้จบให้ได้โดยเหตุการณ์ ยังไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าเกิดเหตุการณ์ยังเตะแบบสนามเปิดมิได้ก็ไม่ต้องเตะเลย
ไม่ต้องกั๊กเตะแบบปิดสนาม ถ้าเกิดไม่ร้อยเปอร์เซนต์ก็ไม่ต้องเตะ เตะไปก็ไร้สาระในทางสาธารณสุข มีแม้กระนั้นจะเพิ่มการเสี่ยงของการระบาดเปล่าๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >>> ฆวน มาต้า
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ >>> ข่าวฟุตบอล