แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟูลแบ็ก ลิเวอร์พูล บอกกับ ซาดิโอ มาเน่ ว่าเดี๋ยวจะเอาคืน ราฟินญ่า ด้วยการทำให้อีกฝ่ายเล่นได้ยากเอง หลังจาก มาเน่ มองว่าตัวเองไม่ควรโดนใบเหลือง
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟูลแบ็ก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายคนเก่งของ ลิเวอร์พูล พูดกับ ซาดิโอ มาเน่ ปีกเพื่อนร่วมทีมว่าจะช่วยล้างแค้นให้อีกฝ่ายด้วยการทำให้ ราฟินญ่า แบ็กขวา ฟลาเม็งโก้ เล่นได้ยากเอง ตอนหมดครึ่งแรกของศึกชิงแชมป์สโมสรโลก นัดชิงชนะเลิศ ที่ “หงส์แดง” ชนะอีกฝ่าย 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เมื่อวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ของครึ่งแรกนั้น มาเน่ มาโดนใบเหลืองจากจังหวะที่ข่าวฟุตบอล อับดุลราห์มาน อัล ชาสซิม กรรมการชาวกาตาร์ มองว่าเขาไปทำฟาวล์ ราฟินญ่า ซึ่งปีกชาวเซเนกัลไม่เห็นด้วย กับการตัดสินจังหวะนี้เท่าไหร่
ทั้งนี้ พอกรรมการเป่านก หวีดหมดครึ่งแรกแล้วนั้น โรเบิร์ตสัน ก็เดินไปใกล้ๆ มาเน่ ทันที พร้อมกับพูดว่า “ซาดิโอ ให้ฉันจัด การหมอนี่เอง ซาดิโอ ฉันจะจัดการเขาให้เอง ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วงนะ” โดยตอนนั้น ราฟินญ่า ที่ใส่หมวกกันกระแทก ก็อยู่ตรงนั้นพอดีด้วย
เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันพา”หงส์แดง” เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้วงการลูกหนังอังกฤษเมื่อเป็นทีมแรกที่คว้า 3
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูลเพิ่งประกาศศักดิ์ดาคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก “ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ” ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรหลังเอาชนะฟลาเม็งโก้ ทีมแกร่งแห่งบราซิลในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา
เกมนี้ลิเวอร์เล่นด้วยความยากลำบากเกือบได้ประตูชัยช่วงทดเวลาครึ่งหลังเมื่อ ซาดิโอ มาเน่ หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะที่ยิงประตู โดน ราฟินญ่า เข้ามาเสียบทางด้านหลังทำให้ดาวยิงเซเนกัลล้มลงไป
ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันทีก่อนเปลี่ยน คำตัดสินหลังเช็ก VAR ทำให้ต้องไปเหนื่อยต่อในช่วง ต่อเวลาพิเศษก่อนจะได้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ สวมบทฮีโร่อีกครั้งหลังเพิ่งเป็นคนยิง ประตูชัยพาทีมเข้าชิง
จากชัยชนะเกมนี้ทำให้ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์สโมสรโลกเป็นครั้งแรก หลังเคยอกหักมาแล้ว 3 ครั้ง (รวมชื่อเดิมโตโยต้าคัพ/ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ) และเป็นทีมที่สองของสโมสรอังกฤษที่คว้าแชมป์ รายการนี้ต่อจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำได้เมื่อปี 2008
นอกจากจะคว้าแชมป์เป็นหน แรกของสโมสรแล้ว”หงส์แดง” ยังกลายเป็นทีมแรกของวง การฟุตบอลอังกฤษที่คว้า 3 แชมป์ใหญ่รายการ ระดับนานาชาติในรอบปฏิทินเดียวกันทั้งแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ ชิงแชมป์สโมสรโลก
โดยก่อนหน้านี้แมนฯ ยูไนเต็ดเกือบทำได้มาแล้วในปี 1999 เมื่อคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ แต่พ่าย ลาซิโอ ในศึกยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และปี 2008 คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ
แต่พ่าย เซนิตฯ ในศึกยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ขณะที่ เชลซี ได้แชมป์ยุโรป แต่แพ้แอต.มาดริดในศึกซูเปอร์คัพ และ ที่พ่าย โครินเธียนส์ ในรอบชิงฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ปี 2012
รูปเกมในครึ่งแรก และครึ่งหลังค่อนข้าง ออกมาคล้ายๆกัน โดย ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายเปิดเกมรุก ได้ค่อนข้างหวือหวาในช่วงต้นเกม และมีโอกาสลุ้นประตูทว่าพวกเขาปล่อยโอกาส ทิ้งไปหลายต่อหลายครั้งจน เริ่มแผ่วลงไปเอง กลายเป็นทาง ฟลาเม็งโก้ ที่ตั้งหลักได้ และมีโอกาสลุ้นประตูบ้าง
ที่สำคัญเลยคือแดนกลางของ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเก็บบอลได้ต่อเนื่องทำ ให้เกมรุกขาดหายไปเป็นช่วงพักใหญ่ ทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เล็ด-แชมเบอร์เลน และ นาบี เกอิต้า ต่างเป็นผู้เล่นที่มีเทคนิคดีและเลี้ยงบอลดี ทว่าพวกเขากลับเสีย บอลแดนกลางง่ายและไม่วิ่งไล่กดดันคู่ต่อสู้เลยทำให้แย่งบอลกลับมาไม่ได้เลย ต้องชมเจ้าของแชมป์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ที่วางแผนมาต่อกรกับ ลิเวอร์พูล ได้เป็นอย่างดี
เครดิตโดย >>> https://line.me/R/ti/p/%40ufabetwins