กลับมาแล้วนะ จะต้องบอกเลยว่า “ลิเวอร์พูล” หงส์แดง จัดเตรียมพบกับบททดลองในเกมพรีเมียร์ลีก อาทิตย์นี้ 

กลับมาแล้วนะ จะต้องบอกเลยว่า “ลิเวอร์พูล” หงส์แดง จัดเตรียมพบกับบททดลองในเกมพรีเมียร์ลีก อาทิตย์นี้ เมื่อพวกเขาจำต้องจัดการกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซีที่สนามแอนฟิลด์ ในวันเสาร์ที่ 28 สิงหาคมนี้

อีกทั้ง 2 ทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติในสองแมตช์แรกเมื่อเก็บชัยได้เรียบวุธ และไม่เสียประตู ทำให้พวกเขารั้งตำแหน่งผู้นำฝูงร่วม แม้กระนั้นในเกมนี้มีความน่าจะเป็นสูงที่จะส่งผลการแข่งขันชิงชัยแพ้หรือชนะ มากยิ่งกว่าผลเสมอ

เชลซีและก็ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีเกมรุกเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ขณะที่เกมรับก็เข้มแข็งเท่าเทียมกัน ดังนั้นนี่จะเป็นแมตช์ที่จะจำเป็นต้องชิงไหวชิงพริบกันในทุกๆตำแหน่งและก็ถ้าเกิดผู้ใดกันเป็นข้างทำผิดพลาด จังหวะที่จะเสียประตูมีออกจะสูงอย่างยิ่งจริงๆ

ซิมิคาสจะต้องคืนตำแหน่งให้ “ร็อบโบ้” สำหรับตำแหน่งตัวบุกปีกซ้ายในตอนแรกสาวก “เดอะ ค็อป” คงจะรู้สึกเป็นทุกข์พอควรจากการที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มีปัญหาบาดเจ็บในตอนอุ่นเครื่องปรีซีซั่น แม้กระนั้น คอสตาส ซิมิคาส สามารถลงมาปฏิบัติหน้าที่แทนก้าวหน้าพอควร

ถึงแม้ในเกมแรกที่ชนะ นอริช ซิตี้ ผลงานของ ฟูลแบ็กชาวกรีก มีปัญหาอยู่บ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกมรับและก็ความเชื่อมั่นสำหรับเพื่อการเล่น ทำให้โดนว่ากล่าวพอสมควร แม้กระนั้นสำหรับแมตช์ที่สอย เบิร์นลี่ย์ เจ้าตัวได้รับคำชื่นชมทั้งยังเกมรับ และก็เกมรุก

อย่างไรก็ดีในตอนนี้ โรเบิร์ตสัน กลับมาฟิตบริบูรณ์แล้ว แล้วก็แน่นอนว่าปัญหาก็คือเขาจะเอากลับคืนตำแหน่งในทันทีหรือเปล่า ในเมื่อตัวบุกปีกซ้ายทีมชาติกรีซ โชว์ฟอร์มได้อย่างดียิ่ง และก็สมควรที่กำลังจะได้ลงเล่นในเกมต่อกรเชลซี

งานนี้ดูเหมือนกับว่าคำตอบคงจะออกมาที่ “ร็อบโบ้” หวนกลับตัวจริง ส่วน ซิมิคาส ก็จำเป็นต้องเห็นด้วยสภาพ เพราะว่าถ้ามองดูจากข้อเท็จจริง ตัวรุกชาวสกอตติช มีประสบการณ์ในเกมใหญ่อย่างนี้ รวมทั้งคงจะจัดการเกมรุกของ “สิงห์บลูส์” ได้ดีมากว่า

ฟาน ไดค์ ไม่เคยแพ้ในบ้านเกมลีก สิ่งที่ลิเวอร์พูล ควรต้องระวังให้ดีๆมันก็คือเกมรุกของเชลซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่พวกเขามี โรเมลู ลูกากู ยืนปฏิบัติภารกิจล่าตาข่าย ด้วยเหตุว่าปัจจุบันนี้ “พี่ตู้” เต็มไปด้วยความมั่นใจและความเชื่อมั่น

ภายหลังเล่นได้อย่างสะดุดตาในเกมชนะ อาร์เซน่อล เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ตัวรุกทีมชาติเบลเยียม เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง รวมทั้งเร็วทันใจ แถมยังสามารถวิ่งหาพื้นที่ว่างสำหรับในการทำคะแนนได้อย่างชาญฉลาด แล้วก็ยังมีการจบสกอร์ที่เฉียบคม นี่เป็นสิ่งที่้เกมรับลิเวอร์พูล” ต้องระวังเอาไว้ให้ดีๆ

แต่ “เดอะ เร้ดส์” มี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่พร้อมจะต่อกรความแข็งแกร่งของ ลูกากู โดย ตัวรุกชาวดัตช์ กลับมาฟิตบริบูรณ์ รวมทั้งเป็นหัวใจในแนวรับที่ลิเวอร์พูล ห้ามให้ขาดเลยเด็ดขาด โดยเห็นได้ชัดกับผลงาน 2 แมตช์ก่อนหน้าที่ผ่านมา

งานนี้บอกเลยว่า ลูกากู อาจจะจะต้องใช้ความแข็งแกร่งให้สุดกำลังเพื่อจะผ่าน ฟาน ไดค์ เข้าไปทดลองความหนึบของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ซึ่งแน่นอนว่าการสู้กันของทั้งคู่คนเกิดเรื่องที่น่าดึงดูดเพราะว่าราวกับการเผชิญหน้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่ในเกมรุกกับเกมรับ

กลับมาแล้วนะ สิ่งหนึ่งที่คงจะทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูล อุ่นใจเมื่อมองเห็น ฟาน ไดค์ ลงคุมแนวรับก็คือ เขาไม่เคยนำทีมแพ้สำหรับในการเล่นเกมลีกที่แอนฟิลด์ ด้วยเหตุนี้สถิตินี้ สาวก “เดอะ ค็อป” คงจะต้องการที่จะให้มันดำรงอยู่ถัดไปอีกนาน ข่าวบอล

กลับมาแล้วนะ

เขาจำต้องจัดการกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซีที่สนามแอนฟิลด์ 

กลับมาแล้วนะ โชต้า ยังคงได้รับความวางใจ ผลงานของ ดีเอโก้ โชต้า อาจทำให้คล็อปป์ ยากจะดร็อปเขาออกได้ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมองเห็นเขาปฏิบัติภารกิจสามผสานร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่ รวมทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สำหรับการปะทะกับ “สิงห์บูลส์”

โชต้า ชี้ให้เห็นว่าเขาสามารถรวมบทหน้าเป้าได้อย่างยอดเยี่ยมเลิศเลอ โดย จอมบุกชาวโปรตุกีส เป็นพวกจมูกไว วิ่งหาพื้นที่ว่างเก่ง รวมทั้งมีความเฉียบคมสำหรับในการจบสกอร์ นั่นทำให้เขาได้รับจังหวะก่อน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ในตอนต้นฤดูกาลนี้

นอกเหนือจากนั้น จอมบุกชาวโปรตุกีส ซัดประตู 2 เกมแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แล้วก็เขาได้โอกาสที่กำลังจะได้เป็นนักฟุตบอลผู้ที่ 4 ซึ่งสามารถทำประตูให้กับสังกัดเดิม 3 แมตช์ต่อเนื่องกัน โดยก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีเพียงแค่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (1994-95), แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (2013-14) และก็ มาเน่ (2017-18) ที่เคยทำเป็น

แน่นอนว่าสถิติกลุ่มนี้บางทีก็อาจจะไม่ใช่หัวข้อหลักของ โชต้า แต่ว่ามันน่าจะทำให้เขาเต็มไปด้วยความทะยานอยาก รวมทั้งความจริงจังสำหรับการทำประตู เชลซีให้ได้ เนื่องจากหากเขาทำเป็นในแมตช์ต่อๆไป คล็อปป์น่าจะไว้วางใจให้ลงเล่นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ

มาเน่ ของแสลงสำหรับเชลซี ถึงแม้คล็อปป์ จะมีแนวรุกให้เลือกใช้งานทั้งยัง โชต้า, ซาลาห์ แล้วก็ ฟีร์มีโน่ ก็ตาม แต่ว่าสำหรับ มาเน่ บอกเลยว่า ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ควรจะต้องส่งเขาลงไปในสนามตั้งแต่นาทีแรก เนื่องจากนี่เป็นผู้เล่นที่ทำประตูในเกมเจอ เชลซีเยอะที่สุดของสโมสรตอนนี้

จากการแข่งขันชิงชัยในทุกรายการ ตัวรุกชาวเซเนกัล ตะบันไป 7 ประตูจาก 17 เกมในแมตช์ที่จำเป็นต้องพบกับเชลซี โดยมีเพียงเกมที่เจอกับ คริสตัล พาเลซ (12 ประตู) รวมทั้ง แอสตัน วิลล่า (8 ประตู) ที่ มาเน่ ทำประตูได้มากกว่าในตอนระหว่างทำมาหากินในอังกฤษ

โดยเหตุนี้ มาเน่ ก็เลยเป็นผู้เล่นที่ทำให้แนวรับของทีมเยือนต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ด้วยเหตุว่าในขณะนี้ดูราวกับว่าเขาจะเล่นด้วยความมั่นใจและความเชื่อมั่นเยอะขึ้น ซึ่งสิ่งนี้แสดงออกมาให้มองเห็นจากฟอร์มในช่วง 2 แมตช์แรกของฤดูกาลนี้

หากว่า อดีตกาลจอมบุก “นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน สามารทำให้ตนเองมีชื่อเป็นผู้กระทำประตูได้สำเร็จในแมตช์นี้ ไม่เพียงแค่เป็นการเพิ่มสถิติความโหดตอนที่ดวลกับเชลซีเพียงแค่นั้น แต่ว่ายังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเขาเพิ่มมากขึ้นด้วย

แผงกองกลางพลังขับเคลื่อนของลิเวอร์พูล ในแผงกองกลางนับว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความหมายมากๆของลิเวอร์พูล เพราะเหตุว่าพวกเขาจะได้ ฟาบินโญ่ กลับคืนสู่ทีมตัวจริงอีกรอบ ภายหลังภาวะจิตใจคงจะกลับมาปกติจากการที่จำต้องสูญเสียคุณพ่อไปแบบไม่ทันตั้งตัว

อันที่จริงแล้ว คล็อปป์มีผู้เล่นในแดนกลางให้เลือกใช้งานคนไม่ใช่น้อย แม้กระนั้นนักฟุตบอลที่จะทำให้หน้าโฮลดิ้ง กองกลาง ก้าวหน้ายอดเยี่ยมสำหรับ คล็อปป์ก็คือ ฟาบินโญ่ แค่นั้น รวมทั้งงานนี้เขาคงจะได้กลับมาลงไปในสนามข้างเคียง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลิเวอร์พูล

ส่วน ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ที่ฟอร์มเร่าร้อนอย่างยิ่งในสองเกมแรก บางครั้งอาจจะควรจะเป็นผู้เล่นสำรอง เนื่องจากแมตช์นี้มีความเคร่งเครียดสูงมาก เพราะฉะนั้น คล็อปป์อาจจะเลือกผู้เล่นที่มีประสบการณ์อย่าง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, นาบี เกอิต้า หรือ ว่ากล่าวอาโก้ อัลกันทาร่า เป็นตัวจริง

กลับมาแล้วนะ สำหรับตำแหน่งนี้มีความจำเป็นมากๆเพราะเหตุว่าถ้าหากแดนกลางของ “เดอะ เร้ดส์” สามารถดับรัศมีของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ รวมทั้ง จอร์จินโญ่ ได้ งานนี้ได้โอกาสที่พวกเขาจะปราบทีมของผู้จัดการทีมโธมัส ทูเคิ่ล ได้อย่างยิ่งจริงๆ เฮเท่านั้น