คนไหนกัน เดี๋ยวนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วุ่นอยู่กับการควานหาผู้จัดการทีมฟุตบอลคนใหม่ หลังที่สั่งปลด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ออกมาจากตำแหน่ง

คนไหนกัน เดี๋ยวนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วุ่นอยู่กับการควานหาผู้จัดการทีมฟุตบอลคนใหม่ ภายหลังที่สั่งปลด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ออกมาจากตำแหน่งช่วงสุดสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา โดยมีรายชื่อผู้จัดการทีมฟุตบอลที่น่าดึงดูดเยอะมากที่พวกเขาอยากได้ตัวมากุมบังเหียน

“ปีศาจแดง” จึงควรใช้งาน ไมเคิ่ล คาร์ริค ปฏิบัติภารกิจเป็นผู้จัดการทีมขัดตาทัพในช่วงที่พวกเขากำลังหาผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยช่วงก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีแถลงการณ์ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด พอใจ ซีเนดีน ซีดาน แม้กระนั้นดูราวกับว่า “ซิซู” ไม่สนใจต้องการปฏิบัติงานในเมืองผู้ดี

ทำให้ทีมต้องหาตัวเลือกอื่นโดยมีอีกทั้ง หลุยส์ เอ็นรีเก้, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่, เบรนแดน์ ร็อดเจอร์ส, เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ รวมทั้งปัจจุบัน รูดี้ การ์เซีย แม้กระนั้นจนแล้วจนรอดก็ยังไม่อาจจะหาบทสรุปได้ อย่างไรก็ตามถ้าเกิดถามสาวก “เร้ด อาร์มี่” ส่วนมาก

แล้วพวกเขาอยากได้ที่ปรึกษาเพียงแค่ 2 คนเพียงแค่นั้น ยกตัวอย่างเช่นโปเช็ตติโน่ กับร็อดเจอร์ส เนื่องจากว่าทั้งสองเคยผ่านงานในเมืองผู้ดีมาแล้ว แล้วก็คงจะรู้เรื่องวัฒนธรรมเกมลูกหนังอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม

กระนั้นหากอยากได้ทั้งสองคนในช่วงกลางซีซั่นนี้ คงเป็นไปไม่ได้ เพราะในรายของโปเช็ตติโน่ มีรายงานออกมาแล้วว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไม่ยอมปล่อยตัว เช่นเดียวกับ “บีร็อด” ที่ยังไม่สนรับเผือกร้อน

คนไหนกัน ฉะนั้นหากทั้งสองคนจะมาคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงต้องรอจนกระทั่งจบฤดูกาลนี้ซะก่อน ดังนั้นก่อนที่จะถึงช่วงซัมเมอร์เราลองวัดกันแบบหมัดต่อหมัดระหว่างพอช กับ ร็อดเจอร์สว่าคนไหนคู่ควรที่จะได้นั่งเก้าอี้นายใหญ่แห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ข่าวบอล

คนไหนกัน

รายชื่อผู้จัดการทีมฟุตบอลที่น่าดึงดูดเยอะมากที่พวกเขาอยากได้ตัวมากุมบังเหียน

คนไหนกัน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่เคยมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในการทำงานผู้จัดการทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ประสบความสำเร็จกับ เซาธ์แฮมป์ตัน ทั้งๆ ที่คุยทีมแค่ปีเดียวเท่านั้นโดยสามารถนำ “นักบุญ” จบอันดับ 8 ในตารางลีก

ที่สำคัญ “พอช” สร้างสถิติให้กับ “เดอะ เซนต์ส” ด้วยการนำทีมเก็บคะแนนได้สูงที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งพรีเมียร์ลีกขึ้นมา หลังจากนั้นเขาได้รับโอกาสย้ายไปทำงานกับทีมใหญ่อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในปี 2014 และอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับทีมมานานถึง 5 ปี

โปเช็ตติโน่นำ สเปอร์ส จบอันดับ 2 ในฤดูกาล 2016/2017 พร้อมสร้างสถิตินำ “ไก่เดือยทอง” เก็บแต้มได้สูงสุดถึง 86 คะแนน โดยเป็นรอง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี แชมป์ในซีซั่นนั้นเพียง 7 แต้มเท่านั้น ในปี 2019 โปเช็ตติโน่นำ สเปอร์ส

ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรกของพวกเขา แต่น่าเสียดายที่ต้องพ่ายให้กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล 0-2 ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน กระนั้นมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างใน สเปอร์ส เมื่อผลงานของทีมค่อยๆ สาละวันเตี้ยลง

และสุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องรับโทษทัณฑ์ด้วยการโดนสั่งปลดในช่วงต้นฤดูกาลถัดมา หลังออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่ หลังจากที่พักสมองไปประมาณ 1 ปี ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้ติดต่อให้เขาเข้ามากุมบังเหียนในช่วงต้นปี 2021

แต่สุดท้ายแล้วไม่สามารถนำ “เปแอสเช” คว้าแชมป์ลีก เอิง ได้ โดยแชมป์เป็นของ ลีลล์ อย่างไรก็ตาม “พอช” ก็ไม่ได้จบซีซั่นแบบเมื่อเปล่า เพราะอย่างน้อยๆ เขาก็สามารถสร้างเกียรติประวัติด้วยการนำทีมคว้าแชมป์ เฟร้นช์ คัพ และ เฟร้นช์ ซูเปอร์ คัพ

เบรนแดน ร็อดเจอร์สมีประสบการณ์ในอังกฤษ มากกว่าโปเช็ตติโน่ โดยเขาผ่านการเป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับ เรดดิ้ง ในช่วงต้นยุค 2000 จากนั้นก็ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทในทีมระดับเยาวชนของ เชลซี ช่วงที่ โชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียนสมัยแรก

หลังจากนั้น “บีร็อด” ได้ลองลิ้มชิมการเป็นกุนซือด้วยการรับงานกับ วัตฟอร์ด โดยเขานำสโมสรรอดจากตกชั้นในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ และจบในอันดับ 13 บทบาทต่อไปของเขาก็คือการได้คุม สวอนซี วิตี้หลังจากที่ปฏิเสธโอกาสเป็นทีมสตาฟฟ์โค้ชของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคโรแบร์โต้ มันชินี่

ร็อดเจอร์สนำสโมสรดังจากเวลส์เข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ นัดชิงชนะเลิศ และสอย เรดดิ้ง ทีมเก่าของเขาด้วยสกอร์ 4-2 ส่งผลให้ “หงส์ขาว” กลายเป็นทีมแรกจากเวลส์ที่ได้เลื่อนชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ผลงานของร็อดเจอร์ส ถือว่าได้รับคำยกย่องอย่างมาก

โดยเฉพาะการสร้าง สวอนซี ให้กลายเป็นทีมที่เล่นบนพื้นได้น่าตื่นเต้น จนถูกยกให้เป็น “สวอนเซโลน่า” นั่นทำให้เขาได้รับงานคุม ลิเวอร์พูล และเกือบที่จะนำ “หงส์แดง” คว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในปี 2014 แต่น่าเสียดายที่มาสะดุดขาตัวเองในช่วงท้ายซีซั่น

ทำให้พลาดท่าให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแค่สองแเต้มเท่านั้น อย่างไรก็ตามด้วยวิถีฟุตบอลเมื่อไม่ประสบความสำเร็จก็ต้องโดนปลด และคนที่เข้ามาแทนที่ก็คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในปี 2015 ส่วนร็อดเจอร์ส โยกย้ายตัวเองไปรับงานคุม กลาสโกว์ เซลติก

พร้อมนำทีมคว้าแชมป์ลีกสกอตต์ 2 สมัย, สกอตติช คัพ 2 สมัย และ สกอตติช ลีก คัพ 3 สมัย ความสำเร็จในดินแดนวิสกี้ทำให้ “บีร็อด” มีโอกาสได้กลับมาพิสูจน์ฝีมืออีกครั้งที่ อังกฤษ ด้วยการกุมบังเหียน เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2019

คนไหนกัน แทนที่ โคล้ด ปูแอล โดยเขาช่วย “จิ้งจอกสยาม” จบอันดับ 5 สองซีซั่นติดต่อกัน และล่าสุดก็นช่วยทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ด้วยการสอย เชลซี 1-0 เรียงหน้าซัด