ตำนานผู้ยิ่งใหญ่ นับเป็นข่าวที่น่าเศร้าสำหรับแวดวงลูกหนัง โดยยิ่งไปกว่านั้นวงการฟุตบอลอังกฤษ หลังที่ จิมมี่ กรีฟส์ ตำนานกองหน้าของตรงนั้นพึ่งเสียชีวิต

ตำนานผู้ยิ่งใหญ่ นับเป็นข่าวที่น่าเศร้าสำหรับแวดวงลูกหนัง โดยยิ่งไปกว่านั้นวงการฟุตบอลอังกฤษ ภายหลังที่ จิมมี่ กรีฟส์ ตำนานกองหน้าของตรงนั้นพึ่งเสียชีวิตตอนวันที่ 19 เดือนกันยายน ก่อนหน้านี้

ภายหลังที่เขาจะต้องทนสู้กับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบขั้นร้ายแรงมายาวนานหลายปี โดยอาการดังที่กล่าวถึงมาแล้วทำให้เขาไม่สามารถที่จะกล่าวและก็เดินได้ตลอดช่วงนั้นด้วย กรีฟส์นับว่าเป็นยอดดาวยิงของวงการฟุตบอลอังกฤษ

ภายหลังที่เขาทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำอีกทั้งในระดับทีมชาติแล้วก็ในระดับสโมสร แถมเขายังเป็นหนึ่งในนายทัพทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์ ฟุตบอลโลก 1966 ด้วย ซึ่งแน่ๆว่าตำนานของเขาจะยังคงมีชีวิตไปอีกนานถึงแม้ว่าสมัยก่อนหน้าแข้งวัย 81 ปีจะตายแล้ว

หลังจากนั้นก็ตาม ซึ่งเพื่อเป็นการนึกถึงกรีฟส์ วันนี้พวกเราเลยมีเกร็ดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเขามานำเสนอสักหน่อย เหรียญแชมป์โลกที่รอคอยอย่างเนิ่นนาน อย่างที่บอกไปว่า กรีฟส์เป็นหนึ่งในขุนศึก อังกฤษ ชุดที่ได้แชมป์โลกเมื่อปี 1966

โดยเขาได้ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มอีกทั้ง 3 นัดที่พบกับ อุรุกวัย, เม็กซิโก และก็ ฝรั่งเศส ด้วย อย่างไรก็ตาม ในนัดสุดท้ายกับกองทัพ “ตราไก่” เขาโดน โฌเซฟ บ็องเนล กองกลาง ฝรั่งเศส เข้าสกัดใส่เบื้องหน้าลำแข้งจนได้รับบาดเจ็บแบบร้ายแรง

ประเภทที่จะต้องทำการเย็บถึง 14 เข็ม และก็มันก็กลายเป็นรอยแผลที่อยู่ติดตัวเขาตลอดมา อาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงในระดับนั้นทำให้ในที่สุดแล้ว กรีฟส์ไม่ได้ลงเล่นอีกเลยตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์ดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว

โดยที่แท้เขาฟิตพอที่จะลงเล่นในนัดชิงแชมป์กับ เยอรมัน ตะวันตก แต่ เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์ ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาติอังกฤษขณะนั้นเลือกที่จะไม่ใช้งานเขา ส่วนผู้ที่ได้ลงเล่นแทนเขาตั้งแต่แมื่อรอบก่อนรองชนะเลิศเป็นต้นมา

คือ เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ ซึ่งในที่สุด เฮิร์สท์ ก็ทำได้ 4 ลูกตลอดทั้งรอบน็อกเอาต์ และก็หนึ่งในนั้นเป็นวิธีการทำแฮตทริกในนัดชิงดำนั่นเอง ข่าวบอล

ตำนานผู้ยิ่งใหญ่

เขาจะต้องทนสู้กับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบขั้นร้ายแรงมายาวนานหลายปี

ตำนานผู้ยิ่งใหญ่ “แท้จริงเวลานี้ผมก็เต้นไปรอบสนามพร้อมทั้งทุกคนนั่นแหละ แต่แม้กระทั่งในเวลาที่ยิ่งใหญ่แล้วก็เต็มไปด้วยความสุขน่ะ ผมก็ยังรู้สึกเสียใจมากๆตลอดระยะเวลาการเป็นนักเตะอาชีพนั้นผมใฝ่ฝันที่กำลังจะได้ลงเล่นนัดชิงแชมป์ของ ฟุตบอลโลก ตลอดมา

แต่ว่าผมก็อดลงเล่นเกมที่เผ้าคอยมาทั้งชีวิต รวมทั้งมันก็น่าเจ็บปวดมากๆ” กรีฟส์เคยเปิดใจเอาไว้อย่างนั้น ดังนี้ เนื่องจากว่าอดีตสมัยมีกฎการมอบเหรียญรางวัลให้เฉพาะคนที่ลงสู่สนาม ทำให้ กรีฟส์อดได้เหรียญรางวัลในตอนแรก

แต่ว่าภายหลังจากสโมสรฟุตบอลอังกฤษพากเพียรดำเนินเรื่องเพื่อเรียกร้องให้ทุกคนได้เหรียญรางวัลเช่นกันอย่างยาวนาน ในที่สุด กรีฟส์ก็ได้รับของขวัญอันล้ำค่าเมื่อปี 2009 หรือก็คือ 43 ปีภายหลังที่ได้แชมป์ อย่างไรก็แล้วแต่

ในที่สุดเหรียญนั้นก็ถูกนำไปประมูลขายในปี 2014 เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงิน 44,000 ปอนด์ แววเด่นตั้งแต่ยุคเป็นเยาวชน กรีฟส์ได้เข้าสู่อะคาเดมี่ของ เชลซี เมื่อปี 1955 ซึ่งเพียงแค่ฤดูกาลแรกกับทีมเยาวชนของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เขาก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม

ด้วยกระบวนการทำไปถึง 51 ประตู และก็ในฤดูกาลถัดมาก็พัฒนาฟอร์มของตัวเองไปอีกระดับด้วยการกดไปถึง 122 ลูกด้วยกัน ยิ่งไปกว่านี้ กรีฟส์ก็ยังสามารถทำประตูในนัดชิงดำของเกม เอฟเอ ยูธ คัพ นัดชิงแชมป์ เมื่อปี 1958 ได้ด้วย

แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายเขาอดได้แชมป์ระดับเยาวชนที่มีคุณค่าของแวดวงฟุตบอลอังกฤษ ด้วยเหตุว่าในช่วงเวลานั้นทีมเยาวชนของ เชลซี แพ้ให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 6-7 ตัวแสบก่อนมา สเปอร์ส

แน่ๆว่ากรีฟส์ นับว่าเป็นตำนานของ สเปอร์ส ภายหลังที่อยู่กับทีมดังที่กล่าวมาข้างต้นตั้งแต่ปี 1961-1970 แถมยังผลิตสกอร์ให้ทีมได้อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งนำทีมได้แชมป์หลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น เอฟเอ คัพ 2 สมัย และก็ คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 ครั้ง เป็นต้น

อย่างไรก็ดี จริงๆแล้วประตูแรกของเขาในฐานะนักเตะอาชีพก็คือเกมที่พบกับ “ไก่เดือยทอง” โดยเป็นเกมลีกที่เขาเล่นให้ เชลซี เมื่อวันที่ 24 เดือนสิงหาคม ปี 1957 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุเพียงแค่ 17 ปีเพียงแค่นั้น แถมมันยังเตะกันที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน รังเหย้าของ สเปอร์ส ด้วย โดยในที่สุดเกมดังกล่าวจบลงที่การเสมอกัน 1-1

หัวธุรกิจ ในตอนที่ยังเล่นให้สเปอร์ส นั้น กรีฟส์เคยกู้ยืมจากแบงค์โดยประมาณ 1,000 ปอนด์เพื่อเริ่มทำธุรกิจด้านการบรรจุภัณฑ์ร่วมกับคนภายในครอบครัว รวมทั้งเพียงพอถึงเวลาที่เขาเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพแล้วนั้น บริษัทดังที่กล่าวถึงมา

แล้วก็ส่งผลประกอบการรายปีในระดับเกิน 1 ล้านปอนด์เลยทีเดียว ผ่านการแข่งขันแรลลี่มาแล้ว ในปี 1970 ซึ่งเป็นตอนที่เขายังเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่นั้น กรีฟส์ลองลงแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลกที่เริ่มต้นจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ไปยังประเทศเม็กซิโก โดยขณะนั้นมีทีมที่เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 96 ทีม สุดท้ายแล้ว กรีฟส์กับ โทนี่ ฟอลล์ สหายนักขับของเขาก็ได้อันดับ 6 ในการแข่งขันรายการดังกล่าว สถิติที่ยังไม่มีผู้ใดทำลายได้ การที่กรีฟส์ เลิกเล่นฟุตบอลไปนานแล้ว

ทำให้มันคือเรื่องปกติที่บางสถิติของเขาจะโดนนักเตะรุ่นใหม่ๆทำลายลงไปบ้าง อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีบางสถิติของเขาที่ยังยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้ หนึ่งในนั้นเป็นสถิติการทำแฮตทริกได้มากที่สุดตลอกาลของทีมชาติอังกฤษ

ภายหลังที่ กรีฟส์เคยทำแบบนั้นได้ถึง 6ครั้ง ยิ่งกว่านั้น กรีฟส์ ก็ยังเป็นเจ้าของสถิติการเป็นดาวซัลโวสูงสุดต่อ 1 ฤดูกาลในเกมลีกสูงสุดของอังกฤษด้วย ภายหลังที่เขาได้รางวัลดังกล่าวข้างต้นไปครอบครองถึง 6 สมัย แบ่งเป็น 2 ครั้งกับ เชลซี รวมทั้ง 4 ครั้งกับ สเปอร์ส

โดยอันดับ 2 ในชาร์ตดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็น สตีฟ บลูเมอร์ ตำนาน ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ที่เคยเป็นดาวซัลโวสูงสุด 5ครั้ง ปัจจุบันคนที่มีโอกาสทาบสถิติของกรีฟส์ ได้มากที่สุดคือ แฮร์รี่ เคน หัวหอก “ไก่เดือยทอง” ภายหลังที่ เคน เคยได้รางวัลรองเท้าทองคำไป 3ครั้ง วีเออาร์ยึดโทษ