พลาดจุดโทษ เรอัล มาดริด เป่าปากรอดตายคาเบร์นาเบว หลังโดน เอลเช่ นำห่างไปถึง 2-0 ก่อนลูกทีมของอันเช่จะมาฮึดท้ายเกมรัวสองประตู

พลาดจุดโทษ เรอัล มาดริด เป่าปากรอดตายคาเบร์นาเบว หลังโดนเอลเช่ นำห่างไปถึง 2-0 ก่อนลูกทีมของอันเช่จะมาฮึดท้ายเกมรัวสองประตูจากจุดโทษของ โมดริช ก่อนอีกสิบนาทีถัดมาในช่วงทดเจ็บ น.90+2

มิลิเตา จะมาโขกกู้ชีพให้ “ราชันชุดขาว” เซฟหนึ่งแต้มสุดหืดจับ นำจ่าฝูงต่อไปมี 50 คะแนนทิ้ง เซบีย่า รองจ่าฝูง 4 แต้ม ส่วนเอลเช่ ชวดชัยอย่างน่าเสียดาย แต่ไร้พ่าย 4 นัดติดยึดที่ 15 มี 23 คะแนน

ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน ที่สนาม สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เจ้าถิ่นเรอัลมาดริด จ่าฝูงเกมล่าสุดไล่ถล่ม บาเลนเซีย 4-1 รับการมาเยือนของเอลเช่ อันดับ 15 ที่ฟอร์มเยี่ยมไม่แพ้มา 3 นัดติด แถมชนะสองนัดล่าสุดแมตช์ที่แล้วเฉือนเอาชนะ บียาร์เรอัล 1-0

ซึ่งคู่นี้เพิ่งจะเจอกันมาใน โกปา เดล เรย์ กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นฝั่งเรอัลมาดริด ต้องออกแรงเหนื่อยกว่าจะเบียดเอาชนะในช่วงต่อเวลาฯไปได้ 2-1 โดยลูกทีมของอันเช่หวิดแย่ก่อนมารัวแซงสองเม็ดรวด

จาก อิสโก้ และเอแด็น อาซาร์ ที่ซัดประตูชัยพาทีมเข้าไปเล่นในรอบต่อไป คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือจอมเก๋า “ราชันชุดขาว” จัดสามประสานทั้ง คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์ส และเอแด็น อาซาร์ ส่วนทีมเยือนของ ฟรานซิสโก้ โรดริเกซ

ฝากความหวังไล่ล่าประตูไว้ที่สองหัวหอกอย่าง ลูกัส เปเรซ และลูคัส โบเย่ เปิดฉากมา นาที11 ชุดขาวเกือบชิงขึ้นนำไปก่อนหลัง เบนเซม่า จ่ายให้ วินิซิอุส เลี้ยงแหวกเข้าไปซัดเสาแรกแต่ยังไปติดมือของ เอ็ดการ์ บาเดีย

อีกสามนาทีถัดมา อาซาร์ จ่ายนิ่มๆให้ โทนี่ โครส วิ่งมาอัดเต็มแรงบอลพุ่งหลุดเสาแรกเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย ลูกทีมของอันเช่ยังบุกอย่างหนัก นาที27 ดาวิด อลาบา วางบอลยาวเข้าไปให้ เบนเซม่า ดูดบอลลงอย่างเนียน

ก่อนจะซัดด้วยขวาไปติดตัว เอ็ดการ์ บาเดีย อีก กระนั้น นาที32 โครส แย่งบอลมาให้ วินิซิอุส จูเนียร์ พาบอลตะลุยเข้าไปก่อนโดน ปาลาซิออส แนวรับเอลเช่เตะล้มลง ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ทว่า คาริม เบนเซม่า ยิงไม่ดีซัดบอลเหินคานไปอย่างน่าผิดหวัง

นาที43 แฟนบอลเจ้าถิ่นในเบร์นาเบวต้องเงียบกริบหลังเป็นอาคันตุกะ เอลเช่ที่บุกมาลูบคมชิงขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะสวนกลับขึ้นมาทางซ้าย ฟิเดล ตัวสำรองที่ลงมาครอสมาอย่างแม่นยำให้ ลูคัส โบเย่ เทกตัวโขกบอลตุงตาข่าย

พลาดจุดโทษ ช่วงทดเจ็บ นาที45+3 เรอัลน่าจะได้ประตูตีเสมอหลัง โทนี่ โครส ปั่นฟรีคิกข้ามกำแพงกำลังโค้งเสียบมุมอยู่แล้วแต่ บาเดีย นายด่านเอลเช่ยังเหนียวพุ่งปัดออกไปอย่างเหลือเชื่อ ข่าวบอล

พลาดจุดโทษ

ทำให้ครึ่งแรก เอลเช่ บุกมานำเรอัล มาดริด 1-0

พลาดจุดโทษ กลับมาบู๊ต่อในครึ่งหลัง นาที51 ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษแก่เรอัลมาดริดเป็นหนที่สองในเกม หลัง อาซาร์ โดน ดีเอโก้ กอนซาเลซ เบียดล้มลงไปในเขตโทษ ก่อนแข้งเอลเช่จะมารุมประท้วง จากนั้นผู้ตัดสินวิ่งไปดูจอวีเออาร์ข้างสนาม

แล้ววิ่งมากลับคำตัดสินไม่ให้จุดโทษ นาที58 อันเชล็อตติ เปลี่ยนเอา เบนเซม่า ออกแล้วส่ง ลูก้า โยวิช ลงไปเล่นแทน ก่อนที่ นาที64 จะส่ง โรดรีโก้ ไปเล่นแทน โทนี่ โครส นาที71 เจ้าบ้านพลาดโอกาสตีเสมออีก

หลัง อาซาร์ ให้ โมดริช ก่อนสตาร์ทัพโครแอตจะไหลออกซ้ายให้ เมนดี้ ก่อนปล่อยให้ วินิซิอุส พาบอลเข้าไปซัดหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย อีกสองนาทีถัดมา วินิซิอุส จูเนียร์ส โดนใบเหลืองทำให้เกมหน้าจะติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบโควต้า

นาที77 แฟนชุดขาวเงียบกริบอีกหน หลังมาโดนเม็ดที่สอง เมื่อ ลูคัส โบเย่ ดึงแข้งเจ้าบ้านถึงสองรายก่อนพาบอลเข้าไปจ่ายให้ เปเร่ มิลย่า หลุดเข้าไปซัดผ่าน กูร์กตัวส์ ส่งบอลเสียบเสาไกล ให้เอลเช่ บุกมานำ เรอัลมาดริด2-0

นาที81 ผู้ตัดสินมาให้จุดโทษ เรอัลมาดริดเป็นหนที่สามในเกม หลังวิ่งไปดูจอวีเออาร์แล้วยืนยันเป็นจุดโทษหลังบอลไปโดนแขน เปเร่ มิลย่า ก่อนที่ ลูก้า โมดริช จะรับหน้าที่สังหารซัดเข้าไปไม่เหลือตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาที90+2 เรอัลมาดริดมาไล่ตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จ จากจังหวะที่ วินิซิอุส ครอสบอลมาให้ เอแดร์ มิลิเตา โขกบอลเข้าไปตุงตาข่าย จบเกมเรอัลมาดริด รอดตายหวุดหวิดไล่เจ๊า เอลเช่2-2 แบ่งแต้มกันไปทีมละคะแนน

โดย “ราชันชุดขาว” นำจ่าฝูงต่อไปมี 50 คะแนนทิ้ง เซบีย่า รองจ่าฝูง 4 แต้ม ส่วนเอลเช่ ชวดชัยอย่างน่าเสียดาย แต่ไร้พ่าย 4 นัดติดยึดที่ 15 มี23คะแนน รายชื่อ11ผู้เล่นทั้งสองทีม เรอัลมาดริด (4-3-3) : ติโบลต์ กูร์กตัวส์ – ลูกัส บาสเกซ,

เอแดร์ มิลิเตา, ดาวิด อลาบา, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – ลูก้า โมดริช, เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่, โทนี่ โครส – วินิซิอุส จูเนียร์, คาริม เบนเซม่า, เอแด็น อาซาร์ เอลเช่ (4-4-2) : เอ็ดการ์ บาเดีย – เฮลิเบลตัน ปาลาซิออส, กอนซาโล่ เบร์ดู,

พลาดจุดโทษ ดีเอโก้ กอนซาเลซ, โยฮัน โมฮิก้า – เตเต้ โมเรนเต้, ราอูล กูตี, เคราร์ด กุมเบา, เปเร่ มิลย่า – ลูกัส เปเรซ, ลูคัส โบเย่ เหนื่อยเกินคาด