พัฒนาทีมใหม่ เจอร์เก้น คล็อปป์ พยายามที่จะจัดทัพ โดยหลีกเลี่ยงการใช้ระบบ 4-3-3 และหันมาใช้แผน 4-2-3-1 หรือระบบที่มีความคล้ายคลึงกัน

พัฒนาทีมใหม่ ตอนนี้สาวก “เดอะ ค็อป” คงเริ่มรู้สึกแล้วว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจอร์เก้น คล็อปป์ พยายามที่จะจัดทัพโดยหลีกเลี่ยงการใช้ระบบ 4-3-3 และหันมาใช้แผน 4-2-3-1 หรือระบบที่มีความคล้ายคลึงกัน ระบบดังกล่าว คล็อปป์เคยนำมาใช้สมัยที่อยู่กับ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

และเป็นระบบที่แฟนบอล “หงส์แดง” เคยเห็นในช่วงต้นที่เขาก้าวเข้ามากุมบังเหียนยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ หากจำกันได้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน เคยพยายามที่จะเซ็นสัญญากับผู้เล่นที่เหมาะกับระบบของเขาอย่างเช่น นาบิล เฟคีร์ และ มาริโอ เกิทเซ่ แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองคนไม่ได้มาสวมชุดพลพรรค “เดอะ เร้ดส์”

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล 2016/2017 เป็นต้นมา ลิเวอร์พูลหันมาใช้ระบบการเล่น 4-3-3 เต็มรูปแบบ โดยในช่วงแรกแท็กติกนี้ทำให้ทีมสามารถเข้าถึงกับปรัชญาที่ดีที่สุดของ คล็อปป์ได้ ลิเวอร์พูลในช่วงแรกๆ เป็นทีมที่เน้นการโจมตีคู่แข่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ด้วยสามประสานแนวรุก พร้อมกับสไตล์การเล่นเคาน์เตอร์เพรสซิ่ง ที่ต้องแย่งบอลจากคู่แข่งกลับมาให้เร็วที่สุดและเปิดเกมรุกสวนกลับทันที และเป็นแบบฉบับการเล่นที่สุดยอดของพวกเขา ข่าวบอล

พัฒนาทีมใหม่

ระบบที่แฟนบอล “หงส์แดง” เคยเห็นในช่วงต้นที่เขาก้าวเข้ามากุมบังเหียนยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์

พัฒนาทีมใหม่ ความสำเร็จของทีม ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาทำให้คล็อปป์ พยายามเน้นการเล่นแบบเดิม และการเสริมทัพ ก็จะโฟกัส ไปที่นักเตะที่สามารถเข้าถึงปรัชญา การเล่นในแบบฉบับที่ “บอส” ต้องการให้ได้ อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีมานี้ คู่แข่งเริ่มจับทาง การเล่นของ หงส์แดงได้แล้ว

โดยพวกเขาจะใช้วิธีแก้เกม ด้วยการเน้นการตั้งรับ ลึกเวลาที่ปะทะ กับทีมของคล็อปป์ โดยแผนเอาไว้ เผด็จศึกลิเวอร์พูล ก็คือให้ผู้เล่นตั้งรับแน่น เพื่อพยายามปิดกั้นพื้นที่ และไม่ให้แนวรุก ที่สุดอันตรายของ “เดอะ เร้ดส์” โจมตีได้ ด้วยเหตุนี้ ลิเวอร์พูลไม่สามารถเล่นแนวทางเดิมๆ ได้อีกต่อไป

และแทนที่จะใช้เวลา ในการครองเกม เพื่อทำลายคู่แข่งคล็อปป์ อาจต้องหันมาเล่นระบบ 4-2-3-1 ซึ่งจะทำให้ทีมมีแนวรุกพิเศษในการโจมตีเพิ่มขึ้น และทฤษฎีของ “บอส” ทำให้เขาต้องมองหาแนวทาง ในการพัฒนาทีม ช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งในเกมรุกมากยิ่งขึ้น

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลจัดการคว้าตัวแนวรุกดาวรุ่งอย่าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ จากฟูแล่ม โดยดาวเตะวัย 19 ปีโชว์ฟอร์มได้น่าตื่นตาตื่นใจกับ “เจ้าสัวน้อย” ในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา พร้อมกับมีส่วนเกี่ยวข้อง กับประตูของทีมถึง 18 ลูก

คาร์วัลโญ่ มักจะถูกจับมาเล่น ในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ในระบบ 4-2-3-1 การเล่นแท็กติกนี้เข้ากับจุดแข็งของนักเตะเพราะเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น จากการยืนอยู่ ข้างหลังกองหน้า สามารถรับ-จ่ายบอลได้ตลอด และผ่านบอลที่สุดอันตรายเข้าไปในเขตโทษ

การเล่นระบบ 4-3-3 ทำให้ลิเวอร์พูล ไม่มีพื้นที่ สำหรับผู้เล่นเพลย์เมกเกอร์ ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดคำถาม เบื้องต้นว่า ตำแหน่งของเขา เหมาะสมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คำถามนี้ ได้รับคำตอบแล้ว เมื่อหงส์แดง กำลังจะคว้าตัวดาร์วิน นูเญซกองหน้าฟอร์มฮอตจาก เบนฟิก้า มาเสริมทัพ

นูเญซโชว์ฟอร์มได้ อย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดยตะบันไป 34 ประตูจากการลงสนาม 41เกม กระนั้น บทบาทของเขากับ “เหยี่ยวลิสบอน” ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นกองหน้า สไตล์ดั่งเดิม ซึ่งปกติแล้ว ลิเวอร์พูลไม่ค่อย นิยมเล่น กระนั้น หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย

สามารถขยับไปเล่น เป็นแนวรุก ทางฝั่งซ้ายก็ได้ ซึ่งเป็นบทบาท ที่ลิเวอร์พูล อาจจะพิจารณา นำมาใช้กับเขา โดยเฉพาะเมื่อ ซาดิโอ มาเน่ เตรียมจะอำลาสโมสร ในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ หลุยส์ ดิอาซ จะทำหน้าที่ ดังกล่าวแทน ดาวเตะเซเนกัล

หากเป็นแบบนั้น ลิเวอร์พูลน่าจะใช้งาน นูเญซในตำแหน่ง ผู้เล่นหมายเลข 9 หรือ “หน้าเป้า” ในระบบการเล่นแบบ 4-2-3-1 ตอนนี้ หงส์แดงได้ คาร์วัลโญ่ มาแล้ว และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนูเญซ คงจะมาร่วมทีมในเร็วๆ นี้ และหากเป็นแบบนั้น

แฟนบอลลิเวอร์พูล คงจะได้เห็นทีม มีระบบการเล่น ที่หลากหลาย และที่สำคัญจะทำให้คู่แข่ง ต้องเจอกับงานหนัก ในการรับมือพวกเขา สัญญาแบ็กขวา