เกินคาดมาก กลายเป็นเกมส์ที่ผลลัพธ์ที่เกินคาดมากๆ เพราะ เอล กลาซิโก้ ทำผลงานได้ออกมาดีมากที่สุด ทำชนะได้ขาดลอย 4-0

เกินคาดมาก ถือเป็นเกม เอล กลาซิโก้ ที่ผลลัพธ์ออกมาเหนือความคาดหมายของหลายคนก็ว่าได้ หลังจากที่ บาร์เซโลน่า ภายใต้การนำทัพของชาบี เอร์นานเดซ สามารถบุกไปถล่ม เรอัล มาดริด ของ คาร์โล อันเชล็อตติ ได้แบบขาดลอย 4-0 ถึงสนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

จริงอยู่ว่าเกม เอลมันสามารถออกได้ทุกหน้าเพราะเป็นการเจอกันเองของ 2 ทีมยักษ์ใหญ่ แถมก่อนหน้านี้ทั้งคู่ต่างก็มีผลงานโดยรวมที่ยอดเยี่ยมพอๆ กัน แต่หากก่อนเริ่มการแข่งขันมีใครที่กล้าบอกว่าชาบี ซึ่งเพิ่งเข้ามาคุมบาร์เซโลน่า

จะบุกมายำทีมของกุนซือระดับ อันเชล็อตติ ได้แบบนี้แล้วล่ะก็ คนๆ นั้นก็อาจจะโดนหัวเราะเยาะใส่ก็ได้ ทั้งนี้ สกอร์และรูปเกมที่เกิดขึ้นในเกมเอล กลาซิโก้หนล่าสุดนั้น มันทำให้เกิดเกร็ดกับสถิติที่น่าเหลือเชื่อหลายอย่างของฝั่งบาร์เซโลน่า ลองไปดูกันสักหน่อยว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ความร้อนแรงของ โอบาเมยอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่การมาอยู่กับบาร์เซโลน่า มันจะเรียกว่าเป็นเหมือนการเกิดใหม่ของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่โดนดร็อปกับที่ อาร์เซน่อล อยู่พักใหญ่จนสุดท้ายต้องมีการยกเลิกสัญญากัน

เกินคาดมาก แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขาทำผลงานให้กับบาร์เซโลน่า ได้ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นทำไปแล้ว 9 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ จากการลงเล่นให้ทีม 11 นัดในทุกรายการ  ข่าวบอล

ผลงานยอดแย่

เหนือความคิดหมาย เมื่อทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุด

เกินคาดมาก แน่นอน ด้วยความที่เขาเพิ่งมาอยู่กับบาร์เซโลน่า ในช่วงหน้าหนาว ทำให้เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาถือเป็นการลงเล่นเอล กลาซิโก้นัดแรกของเจ้าตัว และเขาก็กลายเป็นพระเอกของทีมด้วยการทำเอง 2 ประตูกับทำได้อีก 1 แอสซิสต์

และนั่นก็ทำให้ดาวเตะชาวกาบองเป็นแข้งคนแรกที่มีส่วนร่วมกับประตู (หมายถึงทั้งยิงเองและแอสซิสต์) มากถึง 3 ลูกตั้งแต่การลงเล่นเอล กลาซิโก้หนแรก หากนับเฉพาะในศตวรรษที่ 21 โดยสถิติตรงนี้เป็นการนับรวมเกมเอล กลาซิโก้จากทุกรายการ

นอกจากนี้ นับตั้งแต่ที่เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 นั้น โอบาเมยอง ก็ถือเป็นนักเตะคนแรกที่สามารถทำประตูใส่ มาดริด ได้ถึง 5 นัดติดต่อกัน โดย 4 เกมก่อนหน้านี้อยู่ในสมัยที่เขาเล่นอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทั้งหมด ซึ่งมันก็เกิดขึ้นในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

รอบแบ่งกลุ่ม ทั้งนั้นเลยด้วย (แบ่งเป็นฤดูกาล 2016-17 จำนวน 2 นัด กับ 2017-18 อีก 2 เกม) เดมเบเล่ เจิดจรัสในมือชาบี
ก่อนที่ตลาดการเสริมทัพหน้าหนาวรอบล่าสุดจะปิดตัวลงนั้น อุสมาน เดมเบเล่ ทำท่าว่าจะย้ายออกจากบาร์เซโลน่า แล้ว

หลังจากที่เขาไม่สามารถตกลงเรื่องสัญญาฉบับใหม่กับทีมได้ทั้งที่สัญญามันกำลังจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์นี้ แถม เดมเบเล่ กับเอเยนต์ของเขายังออกมาพูดเชิงแย่ๆ เกี่ยวกับบาร์เซโลน่า อีก ทำให้ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะอดย้ายทีม แต่หลายคนเชื่อว่ายังไงซะในช่วงซัมเมอร์นี้

เจ้าตัวก็คงไม่ได้อยู่กับบาร์เซโลน่า ต่อแน่ๆ และเคยมีการมองกันว่าเขาอาจโดนดองยาวจนกว่าจะหมดสัญญาด้วย อย่างไรก็ตาม ชาบีก็ให้โอกาส เดมเบเล่ ได้พิสูจน์ตัวเอง แม้ว่าแฟนบอลบาร์เซโลน่าบางคนจะเกลียดขี้หน้าเขาจนถึงขั้นโห่ใส่

แต่ชาบีก็ยังออกมาปกป้องลูกทีมคนนี้อย่างต่อเนื่อง และ เดมเบเล่ ก็ตอบแทนความเชื่อใจที่ว่าด้วยการโชว์ฟอร์มที่น่าประทับใจออกมาได้ โดยในเกมกับมาดริด เขาทำแอสซิสต์ได้ถึง 2 ครั้งตั้งแต่ในช่วงครึ่งแรก ทำให้หากนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2022 เป็นต้นมา

เดมเบเล่ ก็คือนักเตะที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดใน 5 ลีกชั้นนำของทวีปยุโรป ด้วยจำนวนรวม 7 ครั้ง เอาชนะ ลิโอเนล เมสซี่ แข้งซูเปอร์สตาร์ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กับ แบ็งฌาแม็ง บูริโฌด์ ดาวเตะ แรนส์ ที่ทำคนละ 6 หนไปได้

นอกจากนี้ ภายในช่วงศตวรรษที่ 21 นั้น เดมเบเล่ ก็เป็นเพียงนักเตะคนที่ 2 ของบาร์เซโลน่า ที่สามารถทำแอสซิสต์ให้ทีมในเกมเอล กลาซิโก้ได้ถึง 2 หนตั้งแต่ในครึ่งแรก ซึ่งคนที่เคยทำได้ก่อนหน้าเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นชาบี ที่ทำเอาไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2009 นั่นเอง

ฝีมืออันน่าทึ่งของชาบี ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนที่ชาบี เข้ามากุมบังเหียน บาร์เซโล่า ใหม่ๆ นั้น หลายคนคิดว่าเขาอาจจะเจอปัญหาพักใหญ่กับการสร้างทีมขึ้นมา เพราะตอนนั้น บาร์เซโลน่ามีขุมกำลังโดยรวมที่ด้อยกว่าสมัยก่อนเยอะ

ถึงกระนั้น มันกลับกลายเป็นว่าตอนนี้ ชาบีนำทีมไม่แพ้ใครในลีกมา 13 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว และเขาก็ถือเป็นกุนซือบาร์เซโลน่า คนที่ 3 ที่พาทีมชนะด้วยผลต่างอย่างน้อย 4 ลูก กับการคุมทีมลงเล่นเกมเอล กลาซิโก้หนแรก โดย2 คนก่อนหน้านี้

คือ แฟร์ดินานด์ ดาอูซิค ที่เคยพา บาร์เซโลน่า ชนะ 7-2 เมื่อปี 1952 และ เอเลนิโอ เอร์เรร่า ซึ่งเคยนำบาร์เซโลน่า ไล่ต้อนมาดริด 4-0 เมื่อปี 1959 ขณะเดียวกัน ถึงแม้เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะเตะกันที่บ้านของมาดริด แต่บาร์เซโลน่า ของชาบี

ก็มีโอกาสทำประตูเยอะจนสุดท้ายมีการยิงตรงกรอบมากถึง 10 ครั้ง ซึ่งหากนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04 เป็นต้นมา เคยมีกุนซือบาร์เซโลน่า แค่ 2 คนที่คุมทีมลงเล่นเกมเอล กลาซิโก้หนแรกแล้วทำให้ทีมมีจังหวะยิงตรงกรอบได้มากกว่าเขา

เกินคาดมาก ได้แก้ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ที่ทีมของเขาเคยมีชอตยิงตรงกรอบ 13 ครั้งเมื่อปี 2003 และทีมชุด เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ที่เคยทำเอาไว้ 11 หนในปี 2017 เจองานง่าย