เก็บชัยชนะ ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส จะทำผลงานได้น่าประทับใจในระดับหนึ่ง แต่มันก็มีไม่กี่คนที่คิดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะแพ้ให้กับพวกเขาคารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

เก็บชัยชนะ ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส จะทำผลงานได้น่าประทับใจในระดับหนึ่ง แต่มันก็มีไม่กี่คนที่คิดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะแพ้ให้กับพวกเขาคารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกมพรีเมียร์ลีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงประเด็นที่ว่าวูล์ฟส์ ไม่เคยบุกมาเก็บ 3 แต้มที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด ได้เลย นับตั้งแต่ที่ลีกสูงสุดเปลี่ยนมาใช้ชื่อพรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ ถ้านับรวมสมัยที่ลีกสูงสุดใช้ชื่อ ดิวิชั่น 1 แล้วล่ะก็

นี่ก็นับเป็นครั้งแรกในรอบ 42 ปีที่วูล์ฟส์ สามารถกำชัยในเกมลีกที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด ได้ด้วย โดยก่อนหน้านี้พวกเขามาเยือนที่นี่ 10ครั้ง และมีผลงานอยู่ที่เสมอ 3 เกมกับแพ้ 7หน แน่นอนว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้วูล์ฟส์ เก็บชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ที่ว่านี้ได้นั้น

มันต้องให้เครดิตกับพวกเขาที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องโทษ แมนฯยูไนเต็ดเช่นกันที่เล่นได้อย่างย่ำแย่จนทำให้พวกเขาต้องแพ้เป็นครั้งแรกในยุคของ ราล์ฟ รังนิก และวันนี้เราก็มีเกร็ดเกี่ยวกับผลงานอันย่ำแย่ของพวกเขาในเกมนี้มานำเสนอกัน

ครึ่งแรกอันน่าหดหู่ “ในช่วงครึ่งแรก เรามีปัญหาอย่างหนัก ในการกันพวกเขา ออกจากกรอบเขตโทษของเรา และออกจากปากประตูของเรา” นั่นเป็นหนึ่งในคำพูด หลังจบเกมของรังนิก ที่สื่อให้เห็นว่าเขาผิดหวัง กับฟอร์มของลูกทีมในครึ่งแรกมากๆ

และเมื่อดูจากตัวเลขที่ออกมาแล้ว มันก็ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เขาจะรู้สึกแบบนั้น ในช่วงครึ่งแรกของเกม ที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด วูล์ฟส์ได้จังหวะยิง 15ครั้ง ซึ่งหากนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003-04 เป็นต้นมานั้น นี่ก็ถือเป็นเกมพรีเมียร์ลีก ที่ทีมซึ่งมาเยือนโอลด์แทร็ฟฟอร์ด

มีจังหวะได้ยิงมากที่สุดในช่วง 45 นาทีแรก ในทางกลับกัน ทีมของรังนิก มีจังหวะลุ้นประตูแค่ 4 หนเท่านั้นในช่วงเวลาเดียวกัน ข่าวบอล

เก็บชัยชนะ

เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงประเด็นที่ว่าวูล์ฟส์ ไม่เคยบุกมาเก็บ 3 แต้มที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด ได้เลย

เก็บชัยชนะ ขณะที่พอแข่งกันจนครบ 90 นาทีนั้น สถิติก็ระบุว่าวูล์ฟส์ ได้จังหวะยิงมากถึง 19หน ขณะที่แมนฯยูไนเต็ด มีชอตยิงแค่ 9 ครั้งเท่านั้น ไร้ความคม นี่นับเป็นเกมพรีเมียร์ลีก นัดที่ 4 ประจำฤดูกาลนี้ที่แมนฯยูไนเต็ด ไม่สามารถทำประตูในเกมลีกได้

โดย 3 ครั้งก่อนหน้านี้ถือว่าเกิดขึ้นในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่ว่าจะเป็นการแพ้ แอสตัน วิลล่า 0-1, พ่าย ลิเวอร์พูล 0-5 และการปราชัย แมนฯ ซิตี้ 0-2 หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด ยิงในลีกไม่ได้เป็นนัดที่ 4 ของฤดูกาลนี้นั้น

เป็นเพราะในเกมกับวูล์ฟส์ มีช่วงที่พวกเขาไม่สามารถยิงตรงกรอบได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวเป็นเวลาถึง 40 นาทีด้วยกันนั่นเอง ขณะที่ถ้านับตลอดทั้ง 90 นาทีแล้วนั้น พวกเขาก็มีชอตยิงตรงกรอบแค่ 2ครั้ง ต่างกับวูล์ฟส์ ที่ทำได้ 6หน

ยิ่งไปกว่านั้น เกมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก็ถือเป็นเกมที่วูล์ฟส์ มีจังหวะการยิงต่อ 1 นัด กับชอตยิงตรงกรอบต่อ 1 เกมมากที่สุดกับการเล่นเกมเยือนในศึกพรีเมียร์ลีก ประจำซีซั่นนี้ด้วย จุดที่น่าเป็นห่วงของรังนิก ช่วงที่ผ่านมา 4-2-2-2 คือแผนที่รังนิก

นำมาใช้กับ แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งจนถึงตอนนี้มันก็มีบางเกมที่ได้ผล และบางเกมที่ไม่เวิร์ค แต่จุดที่น่ากังวลมากที่สุดในตอนนี้ของรังนิก อาจจะหนีไม่พ้นการที่ลูกทีมของเขาเก็บบอลเอาไว้กับตัวได้ไม่เท่าไหร่นัก 145หน คือจำนวนครั้งที่แมนฯยูไนเต็ด

เสียการครองบอลในเกมกับวูล์ฟส์ ทำให้มันถือเป็นเกมลีกที่พวกเขาเสียการครองบอลมากเป็นอันดับ 5 ประจำฤดูกาลนี้หากนับเฉพาะการเล่นที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด โดย 4 อันดับแรกประกอบด้วยเกมกับ เบิร์นลี่ย์ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.,

คริสตัล พาเลซ วันที่ 5 ธ.ค. , ลีดส์ วันที่ 14 ส.ค. และ เอฟเวอร์ตัน วันที่ 2 ต.ค. ส่วนจำนวนหนของการเสียการครองบอลในเกมเหล่านั้นอยู่ที่ 154ครั้ง, 150ครั้ง, 147ครั้ง และ 146ครั้ง ตามลำดับ ใช่แล้ว ถ้าจะพูดอีกแบบก็คือเกมลีกที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ด

เก็บชัยชนะ ทั้ง 3 นัดของแมนฯยูไนเต็ด ในยุคของรังนิก นั้น มันติดอยู่ในท็อป 5 ของชาร์ตดังกล่าวทั้งหมดนั่นเอง เชลซีมีคิว