โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จ่าย2แถมยิงอีก 1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ สถิติปัจจุบันที่ทั้ง สองเคยพบ มาใน รายการนี้จำเป็นต้อง ย้อนไป ฤดู 2011-12 ซึ่งป็นการ เจอกันใน รอบชิง แชมป์
โดยทั้งสอง เท่ากัน ในเวลา 1 -1 ก่อนที่จะใน ตอนดวล จุดลูกโทษ จะเป็น เชลซี ที่คว้าชัย เหนือ บาเยิร์น มิวนิค ไปได้ 4-3
สำหรับเกมนี้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด บอสใหญ่ของ “สิงห์บลูส์” วาง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นหน้าเป้าโดยมี เมสัน เมาน์ท
แล้วก็คอยสส์ บาร์คลี่ย์ ยืนเป็นหน้าต่ำ ระหว่างที่ฝั่ง “เสือใต้” ตีหน้าเป้าเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวซัลโวที่ยิงในรายการนี้ไปแล้ว 10 ประตู
พอๆกับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แล้วก็ให้ แซร์จ นาบรี้, โธมัส มุลเลอร์ และก็คิงส์เล่ย์ โกมัน รอปั้นเกมอยู่ข้างหลัง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เชลซี (3-4-2-1) : วิลลี่ กาบาเยโร่ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (เปโดร น.73), อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ – รีซ เจมส์,
จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์กอส อลอนโซ่ (ใบแดง น.83) – เมสัน เมาน์ท, รอสส์ บาร์คลี่ย์ (วิลเลี่ยน น.61) – โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (แทมมี่ อบราฮัม น.61)
บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ – เบนฌาแม็ง ปาวาร์, เยโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา, อัลฟอนโซ่ เดวิส – โยชัว คิมมิช,
ติอาโก้ อัลกันตาร่า (ลีออน โกเรตซ์ก้า น.90) – แซร์จ นาบรี้ (โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ น.85), โธมัส มุลเลอร์, คิงส์เล่ย์ โกมัน (ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ น.66) – โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ผู้ตัดสิน : กเลมงต์ ตูร์กแป็ง (ฝรั่งเศส)
เริ่มเกมมาได้ไม่ถึงนาที “เสือใต้” ทักก่อนเลยจากจังหวะตอบโต้กลับ อัลฟอนโซ่ เดวิส จ่ายเข้ากึ่งกลางให้ โธมัส มุลเลอร์ ซัดด้วยขวานอกกรอบแต่ว่าน้ำหนักบอลค่อยไปพุ่งเลียดเข้ามือ กาบาเยโร่
จังหวะของสิงห์บลูส์บ้าง นาทีที่ 7 เมสัน เมาน์ท ได้หวดนอกกรอบแม้กระนั้นบอลบินโด่งออกไปไกล อีกนาทีต่อมา เมาน์ท
ขึ้นทางขวามือมาอีกเลี้ยงเข้ากรอบตัดเข้ากึ่งกลางก่อนหวดด้วยซ้ายแต่ว่าบอลไปติด โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ออกข้างหลังไป ข่าวบอล
นาที 11 บาเยิร์น สวนกลับมาอีกครั้ง โกมัน เล่นกับมุลเลอร์ ทำชิ่งหนึ่งสองก่อนมาถึง โกมัน หลุดเข้าไปตะบันด้วยขวาบอลพุ่งเข้าเราตาข่ายจำพวกได้เสียว
อีก 4 นาทีต่อมา ว่ากล่าวอาโก้ อัลกันตาร่า แทงบอลให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หลุดเข้าไปวอลเลย์ด้วยซ้ายในกรอบแม้กระนั้นบอลยังไปติดเซฟของ กาบาเยโร่ ที่พุ่งออกมาใช้ตัวบล็อคไว้ได้ทัน
นาที 20 เป็นจังหวะลุ้นเข้ากรอบหนแรกของ เชลซี เมสัน เมาน์ท เปิดเตะมุมขวามาหน้ากรอบ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เทกตัวได้เหนือกว่าก่อนกระแทกลงพื้นแม้กระนั้นยังค่อยไปก่อนเข้ามือ มานูเอล นอยเออร์
นาที 28 กลุ่มเยี่ยมเสียโอกาสขึ้นนำอีกรอบ ข้างหลัง เลวานดอฟสกี้ หลุดโดดเดี่ยวเข้าไปจิ้มบอลด้วยขวา
แม้กระนั้นบอลยังไปติดขา กาบาเยโร่ แล้วหลังจากนั้นอีกสองนาที โยชัว คิมมิช แทงบอลแม้กระทั่ง โธมัส มุลเลอร์ กดด้วยขวานอกกรอบแต่ว่าบอลก็ยังไม่ผ่าม กาบาเยโร่ ที่ช่วยเซฟได้อีกครั้ง
เสือใต้ยังบีบคั้นอย่างมาก นาที 35 แซร์จ นาบรี้ ครอสบอลเข้าไปกึ่งกลางประตู โธมัส มุลเลอร์ ขึ้นกระแทกลำพังๆแต่ว่าบอลพุ่งไปชนคานอย่างจัง
นาที 43 แฟนสิงห์แทบได้เฮลั่น บอลตอบโต้กลับเร็วจาก มาร์กอส อลอนโซ่ เลี้ยงจี๋เข้าไปในกรอบก่อนล็อคหลบซ่อน เบนฌาแม็ง ขว้างวาร์ แล้วอัดด้วยซ้าย แต่ว่าบอลไปตรงตัว นอยเออร์ ที่เซฟไวด้ได้
จบครึ่งแรก เชลซี ยังเสมอกับ บาเยิร์น มิวนิค 0-0
ช่วงหลัง กลับมาบู๊กันต่อ นาที 48 เมสัน เมาน์ท หลุดเข้าไปจิ้มบอลแม้กระนั้นยังติดเซฟ กาบาเยโร่ บอลไปเข้าทาง รอคอยสส์ บาร์คลายย์ วิ่งมาอัดสุดแรงไปติดบล็อคของ นอยเออร์ อีกคราว
นาที 51 แปลงเป็นกลุ่มเยี่ยมที่บุกมาขึ้นนำไปก่อน 1-0 ติเตียนอาโก้ ชูบอลขึ้นหน้าให้ แซร์จ นาบรี้ พักอกก่อนหนี อัซปิลิกวยต้า
แล้วแทงบอลให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หลุดเข้าไปเฉือนบอลไปหน้าประตูให้ นาบรี้ ที่วิ่งเข้าไปยิงด้วยขวาจ่ายบอลซุกตาข่าย
อีกสามนาทีถัดมา บาเยิร์น ทะยานหนีไปเป็น 2-0 อย่างเร็ว และก็เป็น เลวานดอฟสกี้ อีกทีที่เล่นหนึ่งสองกับ นาบรี้
ก่อนที่จะหัวหอกกลุ่มชาติประเทศโปแลนด์จะแทงแม้กระทั่ง นาบรี้ หลุดเข้าไปในกรอบด้านซ้ายแล้วยิงหนี กาบาเยโร่ แทงเสาสองเข้าไป
นาที 61 แฟร้งค์ แลมพาร์ด อยู่มิได้แก้หมากเปลี่ยนแปลงรวดเดียวสองคนส่ง วิลเลี่ยน และก็แทมมี่ อบราฮัม ลงเล่นแทน รอคอยสส์ บาร์คลี่ย์ และก็โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
นาที 65 เสือใต้จำเป็นต้องเสีย คิงส์เล่ย์ โกมัน ไปข้างหลังมีความรู้สึกเจ็บก่อนส่ง ฟิลิปกระเป๋า คูว่ากล่าวนโญ่ ลงเล่นแทน
อีก 4 นาทีถัดมา กลุ่มเยี่ยมออกบอลพลาดโดน เมสัน เมาน์ท ตัดบอลได้แต่ว่าได้หนูวัย 21 ปี ดันยิงไม่ดีบอลหลุดกรอบออกไปแบบไม่มีเรดาร์
นาที 76 แฟนสิงห์บลูส์เงียบเชียบทั้งยังสนาม เมื่อมาเสียลูกที่ 3 บอลจาก อัลฟอนโซ่ เดวิส ครอสบอลไปในกรอบ 6 หลา
ให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ วิ่งมาชาร์ตบอลเข้าไป พาบาเยิร์นบุกมานำห่าง 3-0 พร้อมแซง เอ้อร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เป็นดาวซัลโว ยูซีแอล ที่ 11 ประตู
ด้านหลังเกม นาที 83 เชลซี จำเป็นต้องเหลือเพียงแค่ 10 คนข้างหลัง VAR เช็กย้อนไปก่อนแจกใบแดงให้ มาร์กอส อลอนโซ่ จากจังหวะไปเล่นผิดกติกาใส่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ตอนที่เหลือ เจ้าถิ่นไม่สามารถที่จะพังทลายประตูตีไข่แตกได้ ก่อนเสือใต้จะรักษาสกอร์จนถึงจบการประลอง
สรุปว่า เชลซี แพ้คาบ้านให้ บาเยิร์น มิวนิค กินขาด 0-3 โดยเกมนัดหมายลำดับที่สอง “เสือใต้” จะได้กลับไปเล่นในบ้านตนเองในวันที่ 18 มี.ค. นี้
อ่านข่าวฟุตบอลอื่นๆได้ที่ : https://www.midwestregionalleague.com/
