Super Klopp ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคมปี 2015 เจอร์เก้น คล็อปป์ พาลูกทีมลิเวอร์พูลลงใต้ไปเตะกับสเปอร์สที่ไวท์ ฮาร์ท เลน เกมนั้นสำคัญตรงไหน.. ก็ไม่มากหรอกครับหากว่ามันไม่ใช่เกมแรกของคล็อปป์ในฐานะผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล
Super Klopp จุดเริ่มต้นของคล็อปป์กับลิเวอร์พูลอยู่ที่ลอนดอนอยู่ที่เกมเยือนท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ นักเตะ 18 คนในทีมชีตของเขาเกมนั้นมีเพียง 4 คนที่ยังอยู่ในทีมจนถึงวันนี้ เจมส์ มิลเนอร์ อดัม ลัลลาน่า ดิว็อค โอริกี้ และ เนธาเนียล ไคลน์ ทั้งสี่คนเป็นตัวจริงในเกมวันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม 2015 เกมนั้นทั้งหมด
คนอื่นๆ ที่เหลือในทีมตัวจริงวันนั้นมีใครบ้าง.. ซิมง มินโญเล่ต์ มาร์ติน สเคอร์เทล มามาดู ซาโก้ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ลูกัส เลวา เอ็มเร่ ชาน และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
ตัวสำรองในเกมนั้นมีใครบ้าง..อดัม บ็อกดาน โคโล ตูเร่ โจ อัลเลน จอร์ดอน ไอบ์ ชูเอา คาร์ลอส เจอโรม ซินแคลร์ และ คอนเนอร์ แรนดอลล์ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เดยัน ลอฟเรน โจ โกเมซ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ คืออีก 4 คนที่เป็นนักเตะของทีมเวลานั้นแต่เกมดังกล่าวมีปัญหาบาดเจ็บทั้งหมด
สี่ปีกับอีกสามเดือนผ่านไป เรามองเห็นความแตกต่างมากมายเกิดขึ้นในแอนฟิลด์มากมายจริงๆ นะครับ มากมายจนแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยเมื่อนึกย้อนไปถึงความรู้สึกในวันนั้น เราทุกคนรู้ว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นโค้ชชั้นยอด ผลงานกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นั้นพิสูจน์ชัดเจน เราทุกคนมั่นใจว่าทีมจะอยู่ในเส้นทางที่ดีขึ้น พัฒนาขึ้นในมือของเทรนเนอร์คนนี้
กระนั้นเราทุกคนก็คงไม่กล้ามั่นใจเช่นกันว่าภายในเวลาไม่ถึงห้าปี เจอร์เก้น คล็อปป์ จะพาลิเวอร์พูลมายืนได้ถึงจุดนี้ สร้างทีมมาได้ถึงจุดนี้ จุดที่เมื่อหันกลับไปอีกครั้งเราแทบจะมองไม่เห็นจุดเริ่มต้น
ในวันที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ก้าวเข้ามา ลิเวอร์พูลกำลังหายใจแผ่ว หงอยเหงาและไร้เรี่ยวแรง เสียงเชียร์ยังคงดังอยู่ แต่ปราศจากพลัง ร้างความหวัง ไร้ความหมาย หากการสร้างของเขา แนวทางของเขา ทัศนคติและความจริงจังของเขาพัฒนาทีม พัฒนาลูกทีมยกระดับทีม ยกระดับลูกทีม ทำให้ทีมดีขึ้น ทำให้ลูกทีมดีขึ้น นำเกียรติยศมาสู่ทีม นำเกียรติยศมาสู่ลูกทีม
โค้ชที่เก่งจริงๆ ก็คือโค้ชที่เก่งจริงๆ วันยังค่ำ มันคือข้อเท็จจริง จากวันนั้นถึงวันนี้ เสียงเชียร์ในแอนฟิลด์ดังกระหึ่มเหมือนเดิม หากมันเปี่ยมไปด้วยพลัง อัดแน่นไปด้วยความหวัง เต็มไปด้วยความหมายดังเหมือนเดิม แต่ดังไม่เหมือนเดิม
สิ่งที่ทำให้คล็อปป์ชนะใจทุกๆ คนนอกจากผลงานที่จับต้องได้ของเขาแล้วยังเป็นการวางตัวในสถานการณ์ต่างๆ บุคลิกดีเดือดแพสชั่นเต็มขีดยามอยู่ข้างสนาม รอยยิ้มที่มีให้กุนซือคู่แข่ง ขมวดคิ้วสงสัยยามสอบถามผู้ตัดสินที่สี่ การโอบกอดลูกทีมที่ถูกเปลี่ยนตัว การโอบกอดลูกทีมหลังจบเกม ไล่จับมือให้กำลังใจนักเตะฝ่ายตรงข้าม การให้สัมภาษณ์ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ก่อนเกม หลังเกม หรือเรื่องอื่นใด.. เขาสมาร์ทและตอบอย่างฉลาด เต็มไปด้วยจิตวิทยาในการพูด ถ้าคุณไม่เก่งพอคุณไม่มีทางกลั่นกรองคำตอบที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ภายในเวลาจำกัดอย่างนั้นบ่อยๆ แน่
คำพูดและบทสัมภาษณ์หลายครั้งของคล็อปป์นั้นขนาดเราคนไกลได้อ่านได้ฟังแล้วยังรู้สึกว่ามีพลัง
บ่อยครั้งไปนะครับที่เราได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเขาแล้วอดทึ่งไม่ได้ว่า เขาคิดมันออกมาได้อย่างไรนะ ฟังแล้วฮึกเหิมจังเลย มีพลังจังเลย ตอบแบบนี้เพอร์เฟกต์ที่สุดเลย
ก็ขนาดเราฟังอยู่วงนอกเรายังสัมผัสได้ถึงพลังนั้น ไม่ต้องอะไรมากครับ – คนขายฮ็อตด็อกก็ยังต้องพร้อมเต็มที่ (ในเกมรับมือ แมนฯ ซิตี้) – คำพูดแบบนี้เขาคิดได้ยังไง เขาจะรู้บ้างไหมว่ามันมีคุณค่ามหาศาลขนาดไหน ช่วยทีมได้มากแค่ไหน แล้วไหนจะยังมีคำพูดประวัติศาสตร์ในค่ำคืนประวัติศาสตร์กับบาร์เซโลน่าอีกเล่า “ภารกิจนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่เพราะมันเป็นพวกนาย..”
ก็นั่นล่ะครับ ขนาดเราฟังอยู่วงนอกยังอดฮึกเหิมตามไปด้วยไม่ได้ อยากจะถลกแขนเสื้อลุยไปด้วยกันในตอนนั้นเลย เพราะพลังด้านบวกของคล็อปป์แผ่มาถึงตัว รุนแรงและสัมผัสมันได้ชัดเจน
แล้วลูกทีมที่ได้สัมผัสกับเขาอย่างใกล้ชิดเล่าครับ ลูกทีมที่ได้ซ้อมกับเขาทุกวัน ลูกทีมที่เขาโทรหา ที่เรียกไปคุยตัวต่อตัว ที่รับประทานอาหารร่วมกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ของสโมสรร่วมกัน ลูกทีมที่นั่งล้อมวงฟังเขาพูดในห้องแต่งตัวก่อนลงสนาม ลูกทีมที่ได้ฟังคำพูดกระตุ้นของเขาหลังจบครึ่งแรก ลูกทีมที่ได้ฟังคำพูดอันทรงพลังของเขาหลังจบการแข่งขัน
ทุกคนที่อยู่ในห้องแต่งตัวเล็กๆ นั้นจะอัดแน่นไปด้วยพลังบวกจากผู้ชายคนนี้ขนาดไหนกันนะ จะฮึกเหิมขนาดไหน จะมีพลังขนาดไหน อยากลองเข้าไปนั่งฟังคล็อปป์ดูสักครั้งนะครับตอนที่เขาพูดกับลูกทีมในห้องแต่งตัวก่อนเริ่มเกม อยากจะรู้ว่าบรรยากาศเข้มข้นของความเชื่อมั่นนั้นจะอบอวลแค่ไหน มันคือพลังที่มองไม่เห็นหรอกครับ แต่สัมผัสได้ รับรู้ได้ว่ามันมีอยู่ และแน่นอน.. ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้อย่างนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสอย่างนั้น
ในช่วงเวลาห่างกันแค่เดือนเดียว ลองดูการให้สัมภาษณ์ของลูกทีมของเขา 2 คนดูก็ได้ครับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ในงานบัลลงดอร์ ซาดิโอ มาเน่ ในงานประกาศรางวัลประจำปีของสมาพันธ์ฟุตบอลทวีปแอฟริกา
ฟาน ไดค์ ยินดีกับผู้ชนะอย่างลิโอเนล เมสซี่ ยกย่อง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ไม่ได้มาร่วมงาน และพูดอย่างฉลาดว่ามาอยู่บนเวทีนี้ได้นั้นไม่มีผู้แพ้ ถ่อมตัวและประกาศตัวในเวลาเดียวกัน มาเน่ ไม่พูดถึงความยอดเยี่ยมของตัวเองเลยแม้แต่ประโยคเดียว แต่ขอบคุณทุกคนตั้งแต่เพื่อนร่วมหมู่บ้าน เพื่อนร่วมชาติ เพื่อนร่วมทีมทั้งสโมสรและทีมชาติ ถ่อมตัวที่สุดทั้งๆ ที่ตัวเองดีที่สุด https://line.me/R/ti/p/%40ufabetwins
ผมมีความรู้สึกว่าทั้ง ฟาน ไดค์ และ มาเน่ ให้สัมภาษณ์ได้สมกับที่เป็นลูกศิษย์ของเจอร์เก้น คล็อปป์ โดยพื้นฐานแล้วทั้งคู่ก็น่าจะเป็นคนลักษณะนี้อยู่แล้วล่ะครับ เพียงแต่การเรียนรู้และได้ใกล้ชิดกับคล็อปป์มาตลอดยิ่งทำให้พวกเขาซึมซับสิ่งดีๆ จากเจ้านายคนนี้ ได้ฟังคำพูดดีๆ ได้เห็นการวางตัวที่ดี ได้ศึกษาวิธีการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างวิเศษที่สุด มันซึบซับเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
ในวันนี้ผมเชื่อโดยสนิทใจแล้วว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ นั้นเก่งจริงๆ
เขาไม่เพียงสร้างทีมที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังสร้างนักฟุตบอลที่ดีงามทั้งฝีเท้าและอารมณ์ ทั้งยังวางรากฐานสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของสโมสร เด็กๆ แห่งอนาคตของเขาเพิ่งจะโค่นคู่ปรับร่วมเมืองในเอฟเอ คัพรอบสามเมื่อสัปดาห์ก่อน
ในคืนนี้คล็อปป์จะพาลูกทีมลงใต้ไปลอนดอน ไปเตะกับสเปอร์สอีกครั้งไปรำลึกความหลังกับโปรแกรม debut – ประเดิมงาน – ของตัวเองเมื่อสี่ปีสามเดือนก่อน เปลี่ยนสนามจากไวท์ ฮาร์ท เลน เป็น ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม สนามเปลี่ยน คู่แข่งทีมเดิม ข่าวฟุตบอลต่างประเทศ
มองกลับไปอีกครั้ง ลิเวอร์พูลไม่เหมือนเดิม พวกเขาเดินมาไกลอย่างไม่น่าเชื่อ เก็บเกี่ยวพลังตลอดรายทาง และเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ดี